บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ธาตุกายสิทธิ์ เจ้าแม่ธรรมชาติ พญาเหล็ก...


ธาตุกายสิทธิ์ เจ้าแม่ธรรมชาติ พญาเหล็ก...

ผมไปเห็น "รูปเคารพ" ของ ธาตุกายสิทธิ์ เจ้าแม่ธรรมชาติ พญาเหล็ก... โดยบังเอิญในเฟสแห่งหนึ่ง เลยต้องการจะนำมาตรวจสอบดูว่า "จักรพรรดิ" ข้างในนั้นเป็นภาคใด

ขอบอกก่อนว่า #วิชาธรรมกาย มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" มากที่ในสุดใน ๓ โลก 

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์"มี  ๕ ระดับ ดังนี้  

[1].. กายสิทธิ์ กายสิทธิ์จะอยู่ตามคดต่างๆ 

[2]..จุลจักร

[3]..มหาจักร

[4]..บรมจักร

[5]..อุดมบรมจักร 

ที่ลงท้ายด้วยคำว่า "จักร" นั้น คือ จักรพรรดิ  ทั้งกายสิทธิ์และจักรพรรดิ เราจะเรียกชื่อ "จ่ากลุ่ม" หรือชื่อรวมว่า "ภาคผู้เลี้ยง"

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ภาคผู้เลี้ยงจะมี ๗ ประเภท 

[1].. ช้างแก้ว

[2].. ม้าแก้ว

[3].. ขุนพลแก้ว

[4].. ขุนคลังแก้ว

[5].. นางแก้ว

[6].. ดวงแก้วมณีโชติ

[7].. จักรแก้ว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ภาคผู้เลี้ยงจะมี ๓ ภาค

[1].. ภาคขาวหรือภาคพระ

[2].. ภาคดำหรือภาคมาร

[3].. ภาคตะกั่วหรือภาคเป็นกลาง ภาคไหนมีอำนาจก็เข้ากับภาคนั้น

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ภาคผู้เลี้ยงจะต้องมี "เรือน" อยู่ หรือมี "ภพ" อยู่

[1].. ภาคขาวหรือภาคพระ จะอยู่ตามรัตนะชาติ (ยกเว้นนิล) พระเครื่องพระบูชาที่เป็นภาคขาว

[2].. ภาคดำหรือภาคมาร จะอยู่ตามเครื่องรางของขลัง เหล็กไหน นิล ฯลฯ รวมถึงพระเครื่องพระบูขาที่ถูกปลุกเสกจากพวกเกจิอาจารย์ทั้งหลาย

[3].. ภาคตะกั่วหรือภาคเป็นกลาง ภาคไหนมีอำนาจก็เข้ากับภาคนั้น จะอยู่ตามตะกั่ว 

ขอแสดงหลักฐานความเชี่ยวชาญในด้านกายสิทธิ์-ภาคผู้เลี้ยงของ #วิชาธรรมกาย เพียงส่วนเสี้ยวเล็ก จากหนังสือคู่มือสมภาร (ดูภาพ)

ในการตรวจสอบกายสิทธิ์นั้น เราไม่ต้องไม่เอากายสิทธิ์มาไว้ในมือ "แล้วสั่นพั่บๆ" เพราะ ถ้าเป็นพระเครื่องก็พอจะทำได้

แต่เป็นพระบูชา หรือพระประธานโบสถ์ก็คงจะตรวจสอบไม่ได้เป็นแน่แท้

เราต้องเดินวิชา ๑ กาย อนุโลม-ปฏิโลมอย่างต่ำๆ ๗ เที่ยว จนดวงธรรมใส กายธรรมใส แล้วนำภาพของกายสิทธิ์ เข้าไปตามทางเดินของใจของเรา ไปหยุดที่ฐานที่ ๗ 

แล้วก็เห็นจะกายของกายสิทธิ์ ต่อจากนั้น  ก็เอาใจเข้าตามทางเดินของใจ ไปหยุดที่ฐานที่ ๗ ของกายสิทธิ์

เอาใจของเราซ้อนกับกายของท่าน จากนั้น ก็สัมภาษณ์กันได้เลย 

สำหรับลำดับที่ ๑๕ นั้น เป็นการทำวิชาให้กับภาคผู้เลี้ยง เนื้อหา ๑๓ ข้อข้างต้นทำให้กับกายของเรา ก็ให้ทำให้กับกายของกายสิทธิ์ด้วย

ขอยืนยันว่า "จักรพรรดิ" ของภาคขาวในประเทศไทยนี้ เรารู้จักทั้งหมด ทำงานด้วยกันอยู่ 

จึงขอยืนยันว่า ผลของตรวจสอบกายของจักรพรรดิในเรือนธาตุกายสิทธิ์ เจ้าแม่ธรรมชาติ พญาเหล็ก... นี้ 

ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ทุกประการ ซึ่งผลออกมา ดังนี้

*-*-*-*

ที่เป็นวาวๆ จักรพรรดิสีออก ตะกั่วๆ

พระตะกั่ว ข้างในเป็นจักพรรดิมาร สีดำ 

พระสีตะกั่ว ข้างในกำเนิดเดิมเป็นจักรพรรดิ์ดำสถิตอยู่ ประมาณจุลจักร

*-*-*-*

โดยสรุป....

รูปเคารพแบบนี้ ทำนองนี้ เป็นมาร  ใครได้ไปครอบครองก็จะมีแต่ความโชคร้าย ฉิบหายวายป่วงมาเยือน

ตายไปแล้ว "นรก" อย่างเดียว ที่อื่่นไม่ได้ไปแน่นอน

เราเป็นพุทธศาสนิกชน เชื่อผมเถอะ "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" เป็่นที่พึ่งของเราเท่านั้น อย่างอื่นไม่ใช่

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989

พระบูชาตามร้านศักดิ์สิทธิ์หรือไม่


มีคนไปตั้งกระทู้ถามในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ว่า “พระพุทธรูปบูชาที่ขายตามร้านต่างๆ เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนคะ” 

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็น ดังนี้

คนขายบอกว่า ผ่านพิธีพุทธาภิเษกหมดแล้วทุกองค์ คนที่ค้าขายกับพระ จะไม่โกหกใช่มั้ยคะ

อ่านกระทู้แล้ว ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป ก็ต้องมา “ตีความ” กันก่อนว่า คนตั้งกระทู้ต้องการที่จะรู้อะไร 

คำว่า “พระพุทธรูปบูชา” นั้น  ร้านค้าใช้คำว่า “พระบูชา”  พจนานุกรมของอาจารย์เปลื้อง ณ นครให้ความหมายไว้ว่า

พระบูชา น. พระพุทธรูปขนาดย่อมที่บูชากันตามบ้าน.

มีอีก 2 คำที่เกี่ยวข้อง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ ดังนี้

พระเครื่อง น. พระพุทธรูปองค์เล็กๆ ที่นับถือว่าเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตราย (ย่อมาจากคํา พระเครื่องราง)

พุทธาภิเษก น. ชื่อพิธีในการปลุกเสกพระพุทธรูปหรือวัตถุมงคล โดยมีพระเถระผู้เชี่ยวชาญในการทำสมาธิจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าคณะปรก นั่งภาวนาส่งกระแสจิตเพ่งคุณพระรัตนตรัยเข้าไปสู่องค์พระหรือวัตถุมงคลนั้นๆ

ดังนั้น คำถามของกระทู้นี้ น่าจะต้องการถามดังนี้

1- พระบูชาตามร้านนั้น ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่
2- ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้วทุกองค์หรือไม่
3- แม่ค้าพ่อค้าที่ขายพระโกหกหรือไม่

กระทู้นี้ มีคนเข้าไปให้ความคิดเห็นน้อยมาก  ขอนำมาวิพากษ์วิจารณ์ 2 ความคิดเห็นดังนี้

ความคิดเห็นที่ 4

สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่ให้สร้างรูปเคารพ ไม่มีปลุกเสกพระพุทธรูปอะไรทั้งนั้น ไม่มีในคำสอนสักคำ

พระพุทธถูกสร้างขึ้นครั้งแรกหลังพระพุทธเจ้านิพพาน 5-600 ปี สมัยพระเจ้ามิลินท์ (เนมันเดอร์ที่ 1) สร้างเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า

ถ้าเป็นพุทธแท้ ก็เช่ามาบูชาระลึกถึงพระพุทธพระธรรมก็พอมั้ง เอาอิทธิปาฏิหาริย์คุ้มครองไปเอารูปปั้นฮินดูตุ๊กตาลูกเทพเข้าบ้านจะตรงกว่า

ความคิดเห็นแบบนี้ เป็นความคิดเห็นแบบสมองหมา ปัญญาควายของพวกห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์โดยแท้ 

กล่าวคือ ไม่ได้รู้เรื่อว “วรนุส” อะไรเลย  อยากแสดงความใคร่ทางจิตด้วยคีย์บอร์ด มันก็พิมพ์ออกมาแบบนั้น 

มันหามาตรฐานทางความคิดอะไรไม่ได้เลย 

พระพุทธรูป พระเครื่อง พระบูชานั้น เจตนาทำขึ้นเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า แต่คนอินเดียสมัยพุทธกาล เขาไม่ทำกัน  เขามีความเชื่อกันไปแบบหนึ่ง  ดังนั้น คนอินเดียยุคนั้น เขาทำเป็นรูปแบบอื่น

คนในยุคหลัง ได้รับอิทธิพลมาจากการทำรูปเคารพของกรีกจริงๆ แต่มันเสียหายตรงไหน  ถ้าคิดว่า “การเลียนแบบกรีก” ไม่ดี  ก็ฉิบหายวายป่วงกันทั้งโลก เพราะ ระบอบประชาธิปไตย เราก็ไปเลียนแบบกรีกมาเหมือนกัน

แล้วไอ้คนนี้มันเสือกเชื่อไสยศาสตร์ก็มีความศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองได้  แต่ไม่เชื่อพระพุทธรูป มันงี่เง่าสมบูรณ์แบบจริงๆ

ความคิดเห็นที่ 6

ถ้าอยากให้พระศักดิ์สิทธิ์ นำเป็นไปสวดมนต์ไหว้พระต่อเองที่บ้าน เดี๋ยวก็มีเทวดา มารักษาเอง

แต่ในฐานะที่มีญาติคนนึง อยู่ในวงการพระเครื่อง ก็ต้องบอกว่า นั้นคือ พ่อค้า ขายวัตถุโบราณ หรือ พุทธพาณิชย์

ไอ้นี่ก็สมองหมา ปัญญาควายไปอีกแบบหนึ่ง คือ ไปเชื่อ “เทวดา”  แต่ไม่เชื่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

แต่ความเห็นของคนนี้ ตอบคำถามข้อสามได้  คือคำถามที่ว่า..

3- แม่ค้าพ่อค้าที่ขายพระโกหกหรือไม่

ถ้าผมตอบน่ะ  พระแม่ง..ยังโกหกกันเป็นไฟ  ไม่ต้องไปคำนึงถึงคนขายพระ

ต่อไป เป็นการตอบคำถามข้อที่ 1 และข้อที่ 2 ไปพร้อมกันเลย

1- พระบูชาตามร้านนั้น ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่
2- ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้วทุกองค์หรือไม่

ตรงนี้ขออธิบายในทางวิชาธรรมกายก่อนว่า  ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้น ขึ้นอยู่กับว่า “มีจักรพรรดิอยู่ข้างในหรือไม่”   ถ้าไม่มีจักรพรรดิ ก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์

ในนั่งปรก หรือปลุกเสกกันจนตายไปทั้งวง ทั้งคณะ ไม่ว่าจะเป็นพระดังขนาดไหน มียศถาบรรดาศักดิ์ในระดับไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางศักดิ์สิทธิ์ 

หลักฐานสนับสนุนของผมข้อที่หนึ่ง

คิดว่า ท่านผู้อ่านคงได้ยินชื่อ หรือรู้จัก “คด” กันมาบ้างแล้ว  พจนานุกรมให้ความหมายไว้ดังนี้

น. วัตถุแข็งคล้ายหินที่มีในสัตว์หรือต้นไม้ นับถือกันว่า เป็นเครื่องราง.

ความหมายจากพจนานุกรมก็ยังไม่ตรงเผงนัก เพราะ คดบางประเภทเช่น “คดเม็ดขนุน” นั้น เกิดจากเม็ดขนุนกลายเป็นหิน  ไม่ใช่มีหินอยู่ในเม็ดขนุน

คดนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง ไม่ต้องปลุกเสก ไม่ต้องพุทธาภิเษก มีศัพท์เรียกว่า “ทนสิทธิ์”  การที่คดมีความศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะ มีจักรพรรดิอยู่ในนั้น

หลักฐานสนับสนุนของผมข้อที่สอง

ก็ดูด้วยวิชาธรรมกายเอาเลย ก็จะเห็นกายของจักรพรรดิที่อยู่ในนั้นเลย

ต่อไปเป็นคำแนะนำ.. ถ้าอยากมีจักรพรรดิหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้คุ้มครองตัวเอง

1- มาเช่าพระของมูลนิธิศึกษาการุณย์ รับรองศักดิ์สิทธิ์มากกว่าพระเครื่อง พระบูชาที่ไหนๆ ในโลกนี้

2- ปฏิบัติธรรม..  ใครก็ตามที่เริ่มปฏิบัติธรรม จะมีจักรพรรดิมาอยู่กับท่านเอง 

ตัวผมเองนั้น  ขนาดผมเห็นก้อนกรวดใสๆ ผมเก็บมา ยังมีจักรพรรดิในก้อนกรวดเลย..






ตุ๊กตาลูกเทพ การหลอกลวงอีกประเภทหนึ่ง



บทความนี้ ต้องการขยายความบทความของผู้จัดการออนไลน์ชื่อ “แห่บูชา! "ตุ๊กตาลูกเทพ" เทรนด์แรงแซงหิน..ศรัทธาหรืองมงาย”  

ดูเนื้อหาของข่าวบางส่วนกันเลย

เป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาในสังคมไทย เมื่อ "ตุ๊กตาฝรั่ง" ขนาดตั้งแต่ 8 นิ้วไปจนถึงเท่าเด็ก 7 ขวบ ถูกนำมาปลุกเสก เพิ่มคุณค่าด้วยการอัญเชิญดวงเทพลงมาสถิต

กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รูปแบบใหม่ มาแรงแซงหินสี คนแห่เลี้ยง แห่บูชา เพราะเชื่อว่าเป็นตุ๊กตานำโชค นำลาภมาให้
      
เทรนด์ดังกล่าว เริ่มมาจาก "xxxxx" ที่ไปสะดุดกับตุ๊กตาตัวหนึ่ง และได้ยินเสียงในความคิดว่า อยากขอไปอยู่ด้วย และหลังจากนำมาอยู่ด้วยก็มอบสิ่งดีๆ ให้หลายอย่าง

จึงได้นำไปให้พระอาจารย์ที่นับถือช่วยปลุกเสกให้ ซึ่งแตกต่างจากกุมารทอง หรือลูกกรอกที่จะใช้วัสดุอาถรรพ์ของคนที่ตายไปแล้ว เช่น ดินเจ็ดป่าช้า ผ้าห่อศพ ผม เล็บ เป็นต้น
      
ด้วยความน่ารัก แถมยังมีความขลัง ไม่แปลกที่คนดังหลายคนอยากจะมีไว้ครอบครอง เนื่องจากมีความเชื่อ และศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของ "ตุ๊กตาลูกเทพ" เป็นอย่างมาก

ประเด็นที่จะวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ ในส่วนที่ผมเน้นสีแดงไว้

1- คุณ "xxxxx" นี่ แกได้ยินเสียงในความคิดว่า ตุ๊กตาลูกเทพอยากไปอยู่ด้วย  เมื่อมาอยู่แล้วก็ได้สิ่งดีๆ ให้หลายอย่าง คุณ ตุ๊กตาลูกเทพ ก็จึงไปให้พระอาจารย์ที่นับถือปลุกเสกให้

เรื่องนี้ “โกหกชัดเจนครับท่านพี่น้อง”  โกหกเพื่อขายของเท่านั้น 

ถ้าที่คุณ "xxxxx" เล่าในส่วนแรกเป็นความจริง คือ ตุ๊กตาเทพมันสามารถดลจิตดลใจให้ คุณ "xxxxx" “ได้ยินเสียงในความคิด” ได้ ตุ๊กตาลูกเทพ มันก็ต้องเก่งแล้ว ไม่ต้องปลุกเสกแล้ว

การที่ต้องบอกว่า “จึงได้นำไปให้พระอาจารย์ที่นับถือช่วยปลุกเสกให้” ก็เป็นเพราะ คนไทยเราจะเชื่อแบบนี้  มันก็ต้องโกหกไปแบบนั้น

แล้วที่เป็นปัญหาที่ควรนำมาถามกันก็คือ ไอ้  “ได้ยินเสียงในความคิด” นี่มันคืออะไร  คุณ "xxxxx" แกจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้หรือเปล่า

มันก็เป็นคำหลอกลวงที่ทำให้ดูเท่ห์ๆ เท่านั้น 

2- ข้อความที่ว่า “เพิ่มคุณค่าด้วยการอัญเชิญดวงเทพลงมาสถิต”  ในฐานะที่เป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกายของมูลนิธิศึกษาการุณย์  มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องผี สาง เทวดา จักรพรรดิเป็นอย่างดี  ผมยืนยันว่า “เทพไม่มาอยู่ในตุ๊กตาแบบนี้

ในความคิดเห็นส่วนตัว ฝ่ายมาร ผีกวนตีน กวนโอ้ยทั้งหลายก็ไม่มาในตุ๊กตาแบบนี้  

โดยสรุปในเบื้องต้น  “ตุ๊กตาลูกเทพ” เป็นเรื่องหลอกลวงเพื่อขายของแต่เพียงอย่างเดียว

ที่นี้ ถ้ามีคนถามว่า คนที่ซื้อไปแล้ว มีโชคมีลาภขึ้นมาก็มี มีเงินมากขึ้น การงานดีขึ้น จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร

ในทางวิชาธรรมกายมีคำอธิบายดังนี้

คนคือพวกเราที่มีกายเนื้อนั้น กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือจักรพรรดิทั้งหลายทั้งปวง ทั้งภาคขาว ภาคกลาง ภาคดำนั้น  

คนเป็นตัวแปร ที่มีน้ำหนักสูงกว่าจักรพรรดิ

อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ขออธิบายเฉพาะในเรื่องลาภสักการะ เงินทอง

สมมุติว่า คนๆ นั้น ไม่เคยสร้างทานบารมีไว้เลย  แต่สร้างบารมีด้านอื่นๆ ไว้มาก  ต่อให้มีจักรพรรดิเก่งในระดับไหน  คนๆ นั้น ก็ไม่มีทางที่จะมีเงินมีทองระดับน้องๆ ของคุณทักษิณได้

จักรพรรดิไม่สามารถช่วยในด้านนั้นได้

ดังนั้น คนที่ซื้อตุ๊กตาลูกเทพไปแล้ว งานเข้ามาก มีเงินมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพราะตุ๊กตาลูกเทพเป็นผู้ดลบันดาลให้  แต่เป็นบุญบารมีของคนผู้นั้นเอง

อย่างไรก็ดี  ตุ๊กตาลูกเทพแบบนี้ ถ้าอยู่ในความโกหกหลอกลวงมากๆ เข้า  คนเลวๆ จังไรทั้งหลายมายุ่งเกี่ยวมากๆ เข้า 

จักรพรรดิหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะมาสิ่งสถิตอยู่ด้วยก็ได้  แต่จะเป็นจักรพรรดิของฝ่ายเป็นมารเท่านั้น  จักรพรรดิฝ่ายพระท่านจะไม่อยู่ในสิ่งของแบบนี้

ในเมื่อจักรพรรดิฝ่ายมารเข้ามาสิ่งสู่อยู่  ความฉิบหายจัญไรทั้งหลายทั้งปวง ก็จะเข้าแถวมาส่งผลให้กับคนเป็นเจ้าของ

ผลที่ออกมาก็คือ  เสียเงินด้วย ความซวยก็จะมาเยือนด้วย...