บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่


มีคนมีความสงสัยในเรื่องความมีอยู่ ความมีจริงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงไปตั้งกระทู้ถามในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงมั้ยคะ”  เนื้อหาก็มีสั้นๆ ดังนี้

มีจริงมั้ยคะ ท่านสามารถดลบัลดาลอะไรๆให้ชีวิตเราได้? เห็นเเก้บนกันเยอะเเยะ

เมื่อพิจารณาจากคำถาม ก็สามารถลงความเห็นได้ว่า เจ้าของกระทู้ไม่รู้จริงๆ จึงต้องการคำตอบ 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความเห็นของเจ้าของกระทู้ ก็น่าจะเป็น พวกผีสางนางไม้ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าป่า เจ้าเขาทั้งหลาย ฯลฯ

เมื่อลองอ่านดูความคิดเห็นของพวกห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์แล้ว ก็ยังเป็นภาพเดิมๆ คือ ไม่มีคนรู้จริงในนั้น 

พวกที่เข้ามาตอบกัน ก็เป็นพวกอยากจะอวดโอ้ เป็นแมลงป่องที่ชอบชูหางโก้ๆ ไปเรื่อย แต่ไม่ได้เก่งอะไรเลย  หาคนที่รู้จริงไม่มี

มีคนยกพระสูตรมา ซึ่งน่าสนใจที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป

มนุษย์เป็นอันมาก ได้ยึดถือเอาที่พึ่งผิดๆ

มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมาก ถูกความกลัวคุกคามเอาแล้ว ย่อมถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง สวนศักดิ์สิทธิ์บ้าง รุกขเจดีย์บ้าง ว่าเป็นที่พึ่งของตนๆ :

นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันทำความเกษมให้ได้เลย, นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด; ผู้ใดถือเอาสิ่งนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้วย่อมไม่หลุดพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวงได้.

ส่วนผู้ใดที่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว เห็นอริยสัจทั้งสี่ด้วยปัญญาอันถูกต้องคือเห็นทุกข์, เห็นเหตุเป็นเครื่องให้เกิดขึ้นของทุกข์,

เห็นความก้าวล่วงเสียได้ซึ่งทุกข์, และเห็นมรรคประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ ซึ่งเป็นเครื่องให้ถึงความเข้าไปสงบรำงับแห่งทุกข์ :

นั่นแหละคือที่พึ่งอันเกษม, นั่นคือที่พึ่งอันสูงสุด, ผู้ใดถือเอาที่พึ่งนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวง ได้แท้. ธ. ขุ. ๒๕/๓๙/๒๔.

พระสูตรนี้หมายถึง การที่คนเราไปพึ่งการบนบานศาลกล่าว พึ่งเทวดา พึ่งต้นไม้ที่พันด้วยผ้าสี ไม่อาจจะพ้นซึ่งทุกข์ได้  แต่การพึ่ง พระรัตนตรัย เห็นอริยสัจสี่ ด้วยปัญญาที่ถูกต้อง

นั่นคือย่อมพ้นซึ่งทุกข์ทั้งปวง..

ถ้าจะวิเคราะห์กันจริงๆ  ความคิดเห็นนี้ ก็ไม่ได้ตอบคำถามของกระทู้ดังกล่าวแต่อย่างใด  เข้าลักษณะที่ว่า “ไปไหนมา สามวาสองศอก

อย่างไรก็ดี  พระสูตรดังกล่าวมีสามารถดึงคำตอบออกมาได้ว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง”  สามารถพึ่งได้จริง 

แต่  “นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันทำความเกษมให้ได้เลย, นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด; ผู้ใดถือเอาสิ่งนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้วย่อมไม่หลุดพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวงได้.

โดยสรุป ณ เบื้องต้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เป็นที่พึ่งได้พอสมควร แต่ไม่ได้เป็นที่พึ่งที่สามารถจะพาให้พ้นทุกข์ทั้งปวงได้  ทำได้แค่พ้นทุกข์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

ปัญหาที่ตามมาก็คือ ตกลงแล้ว “สิ่งศักดิ์สิทธิ์”  คืออะไร  พระพวกที่เข้าไปร่วมถกเถียงกันในกระทู้ดังกล่าว  ไม่เคยกล่าวถึงกันเลยว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์”  คืออะไร 

ในทางวิชาธรรมกายมีคำอธิบาย ดังนี้

เอาหลักสากลก่อนแล้ว คือ ธรรมะทั้งปวง  ธรรมะทั้งปวงนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 พวกคือ

1- กุสะลา ธัมมา
2- อะกุสะลา ธัมมา
3- อัพยากะตา ธัมมา,

พวกศาสนาพุทธเชิงคัมภีร์, พวกปริยัติ มักจะแปลกันแบบนี้  ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากฤต

พวกนี้ ชอบแปลแบบหมกเม็ด  อัพยากะตา ธัมมา/ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากฤต   แปลเป็นภาษาไทย ไม่ต้องทับศัพท์ก็แปลได้ว่า ธรรมะที่เป็นกลาง

กล่าวคือ ธรรมะมีทั้งฝ่ายดี/ภาคขาว  ฝ่ายไม่ดี/ภาคดำ และฝ่ายเป็นไม่ดีไม่ชั่ว/ภาคกลาง

คราวนี้มาถึงคราวผู้ปฏิบัติตามธรรมะทั้งหลายบ้าง เอาผู้ปฏิบัติได้สูงสุดเลยก็คือ บรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็มี 3 ฝ่ายเช่นเดียวกันคือ

1- พระพุทธเจ้าภาคขาว/กายจะมีสีใสสว่าง จะพาสาวกทำความดีเพื่อบำเพ็ญบารมี

2- พระพุทธเจ้าภาคดำ/กายจะสีดำเป็นนิล จะพากสาวกทำความชั่วเพื่อบำเพ็ญบารมี

3- พระพุทธเจ้าภาคกลาง/กายจะมีสีตะกั่ว จะพาสาวกทำในสิ่งไม่ดีไม่ชั่วเพื่อบำเพ็ญบารมี

การสร้างบารมีของภาคขาว ภาคดำ คนส่วนใหญ่จะเข้าใจ คือ ภาคขาวทำความดีเพื่อสร้างบารมี ภาคดำทำความชั่วเพื่อสร้างบารมี แล้วภาคกลางนั้น สร้างบารมีกันอย่างไร 

เอาการปฏิบัติตัวของผู้อ่านเองเป็นหลักก็ได้  เมื่อไหร่เราอยากทำความดี เช่น สวดมนต์ ไหว้พระ ทำทาน ฯลฯ ก็แสดงว่า พระพุทธเจ้าภาคขาวเข้ามากำกับเรา ให้เราทำอย่างนั้นเพื่อเป็นการสร้างบารมี

เมื่อไหร่เราอยากดื่มเหล้า อยากด่าคนโน้น นินทาคนนี้ อยากทำความชั่วทั้งหลาย ก็แสดงว่า พระพุทธเจ้าภาคดำหรือภาคมารเข้ามากำกับเรา ให้เราทำอย่างนั้นเพื่อเป็นการสร้างบารมี

เมื่อไหร่เราอาบน้ำ เดินไปเดินมา นั่งกินลมเล่นเฉยๆ ฯลฯ  ไม่ได้ทำอะไรที่ส่งผลไปในเรื่องของความดี หรือความชั่ว ก็แสดงว่า พระพุทธเจ้าภาคกลางเข้ามากำกับเรา ให้เราทำอย่างนั้น เพื่อเป็นการสร้างบารมี

ตรงนี้อยากจะบอกจริงๆ คนส่วนใหญ่ ในวันหนึ่งๆ  เราทำแบบภาคกลางมากกว่าภาคขาว ภาคดำเสียด้วยซ้ำ

มาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าง  ตกลงแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ จักรพรรดิ

จักรพรรดิก็มี 3 ฝ่ายเช่นเดียวกัน คือ ฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว ฝ่ายเป็นกลาง

คนไทยเคยเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือจักรพรรดิมานานแล้ว  แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเป็นอะไร  จึงคิดว่าเป็นพระทรงเครื่องบ้าง เป็นพระศรีอาริย์บ้าง  (ดูภาพด้านบน)

จักรพรรดิมี 7 ประเภทคือ ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว ดวงแก้วมณีโชติ และจักรแก้ว

ดังนั้น คำตอบสำหรับเจ้าของกระทู้ก็คือ  สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือจักรพรรดิมีจริง  

สำหรับคำถามต่อมาที่ว่า  “ท่านสามารถดลบัลดาลอะไรๆ ให้ชีวิตเราได้? เห็นเเก้บนกันเยอะเเยะ”  

คำตอบก็คือ ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง   ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราไม่มีบารมีมาก่อน ท่านก็ช่วยไม่ได้

ยกตัวอย่างให้มันสุดกู่ไปเลย  สมมุติว่า เราไม่เคยทำทานมาก่อนเลยในชีวิต ทั้งอดีต ปัจจุบัน ปัจจุบันยังเป็นขอทานอยู่  บังเอิญไปได้จักรพรรดิที่เก่งมาก 

ท่านก็ไม่สามารถทำให้เรารวย หรือเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้

มีคำเตือนก็คือ  อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มี 3 ประเภทเหมือกัน  พวกเจ้าทุ่ง เจ้าท่า หรือผีตายโหง ตายห่าทั้งหลายนั้น  ถ้าไปขอให้พวกนั้นช่วย  เราอาจจะได้สิ่งที่เราขอตามที่ต้องการ

แต่ผลที่ตามหลังจากนั้น คือ ความฉิบหายวายป่วงอย่างแน่นอน  เพราะ พวกนี้เขามีพื้นฐานเป็นมาร  มารไม่เคยส่งผลดีให้กับใคร  ดังนั้น ไม่ว่าจะได้อะไร  มันจะเป็นทุกขลาภเสมอ.....

จักรพรรดิหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ช่วยมนุษย์ได้แน่ๆ แต่มนุษย์ต้องสร้างบุญบารมีมาก่อน  ถ้าไม่มีบุญ ไม่มีบารมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้






5 ความคิดเห็น:

  1. ผมอยากให้ ดร. เขียนเรื่องนี้มากเลย ช่วงนี้กำลังฮิตครับ ลง นสพ. กันเกรียวกราวเลย
    http://www.thairath.co.th/content/473363
    เป็นโค้งแถวบ้านผมเองแหละครับ ผ่านตั้งแต่เด็กจนหนุ่ม ทั้งกลางวันแสกๆ ไปจนถึงค่ำมืดดึกดื่น ไม่เคยไหว้ แต่ก็ไม่เคยเจอ ผมมีโอกาสจะเจอมากกว่าบางคนที่เจออีก ซึ่งผมยังงงอยู่ว่า พวกเจอกันได้ยังไง เพื่อนผมคนหนึ่งมันบอกว่าเคยผ่านโค้งนี้แล้วได้กลิ่นน้ำมัน
    โค้งนี้ดังมากๆ เป็นโค้งเฮี้ยนอันดับหนึ่งของไทยเลยก็ว่าได้ จนได้ฉายาว่า "โค้งร้อยศพรัชดา" เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก เพราะสภาพถนนไม่ดี เป็นโค้งยาว ต้นไม้บดบังทัศนวิสัย เมื่อก่อนเสียชีวิตกันประจำ มีนักแสดงท่านหนึ่งมาเสียชีวิตที่นี่ด้วย ก่อนที่จะมีอุบัติเหตุ ต้นโพธิ์ที่เกาะกลางจะผลัดใบเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดอุบัติเหตุ คนมาบนที ขนตุ๊กตาม้าลายมาแก้บนเป็นแถบ เดิมทีจะวางไว้โคนต้นโพธิ์ที่เกาะกลาง แต่พอมากๆเข้า ก็ไม่มีที่ไว้ เลยเอาไปวางไว้บนสะพานลอย จนไม่มีทางจะเดิน
    ทีนี้ ที่เป็นข่าวขึ้นมาช่วงนี้ ก็เพราะว่าทางเขตจตุจักร จะปรับทิวทัศน์แถวนั้น เลยจะขนเครื่องเซ่นบนสะพานลอยออก พวกก็กลัวหัวหดถึงขั้นเชิญริว จิตสัมผัส มาทำพิธี ถึงกล้าขน แต่พอขนไปแล้ว รุ่งเช้า มีมาอีก มีคนมาแก้บนเอามาวางใหม่อีก

    1.ผมถาม คห. ดร. นะครับ ดร.คิดว่าที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยนี่เป็นเพราะอะไร เจ้าที่ต้องการบริวารหรือ ถ้าเป็นคนของภาคขาวจะทำหรือ หรือเป็นผีร้ายที่เข้มแข็งขึ้นมาจากการที่คนไปบูชา แต่ก็มีประวัติว่าเคยมีคนหลับในถูกปลุกตรงนั้นทำให้รอดจากอุบัติเหตุมาได้นะครับ แต่ก็ไม่มีคนตายตรงนั้นมาหลายปีแล้วนะครับ หลังจากปรับปรุงสภาพถนน ที่เมื่อก่อนเกิดอุบัติเหตุบ่อยอาจเป็นเพราะสภาพถนนก็ได้

    ถ้าถามผม ผมอยากให้ตัดต้นไม้แถวนั้นนะครับ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับทางเขตที่บอกว่า "ให้คงต้นโพธิ์ไว้เตือนสติคนขับรถ" (ผมว่านะ พวกอ้างไปงั้นแหละ จริงๆแล้วพวกกลัวต่างหาก) เพราะถ้าผ่านไปแถวนั้น จะพบว่าต้นไม้แถวนั้น บดบังทัศนวิสัย จนถนนดูมืดๆไปเลยทั้งที่เป็นกลางวัน ยิ่งตอนค่ำนี่ แทบไม่เห็นแสงไฟจากบ้านและรถฝั่งตรงข้ามเลย ที่มีคนเห็นเงาดำพาดผ่านถนน ผมว่าน่าจะเป็นเงาต้นไม้พวกนี้นี่แหละ มีไว้ก็อันตรายเปล่าๆ ผมว่าตัดดีกว่าครับ ถนนจะปลอดภัยขึ้นเยอะเลย
    ยิ่งถ้าในต้นโพธิ์เป็นพวกมาร ยิ่งต้องไม่เอาไว้ใหญ่

    ตอบลบ
  2. ตอบสั้นๆ ก่อน ดังนี้

    เรื่องที่ว่า "ผีตัวตายตัวแทน" นั้น เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด หรือความจริงที่เป็นสากลเลย

    คล้ายๆ ว่า คนตายก่อน เขาจะต้องอยู่ตรงนั้นตลอดไป แต่ถ้ามีคนตายมาอีก เขาก็จะหมดหน้าที่ ดังนั้น ผีจึงพยายามให้คนมาตายอยู่เรื่อยๆ ตรงบอกก่อนว่า พวกที่ทำกันอยู่อย่างนี้น่าจะอยู่ในบังคับของพวกมาร

    ที่นี่ คนที่มีบารมี คนที่ไม่ถึงที่ตาจ มันก็ผ่านไป ผ่านมาโดยไม่เป็นอะไร หรือเป็นอะไรก็ไม่ตาย พวกที่ถึงคราว มันถึงตาย

    มันถึงเกิดเหตุการณ์ที่ว่า ผ่านไปผ่านมาเป็นปีๆ ไม่เห็นเป็นอะไร ผ่านมาหนเดียวเกิดอุบัติเหตุแต่ไม่เป็นอะไร บางคนก็เป็นแต่ไม่ตาย บางคนก็ตายเลย

    การที่คนไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้ บอกว่า "เป็นเพราะถนน ไม่ทำให้ลาดเอียง เพื่อเข้าโค้ง" นั้น มันก็มีเหตุผล แต่เกิดจากความไม่เชื่ออยู่ก่อน

    ตอบลบ
  3. ของแถมฮาๆครับ มีคนไม่เชื่อ เดินทางไปลบหลู่ถึงที่เลย (ดูเฉยๆไม่ต้องวิจารณ์หรอก วิจารณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ)
    https://www.facebook.com/FakGhost/posts/908849872481310:0
    อ่านแล้วขำจนท้องแข็งเลย สะใจมาก นี่ถ้าผมเป็นหัวหน้าเขต เวลาจะตัดถนนแล้วเจอต้นไทรหรือศาลเฮี้ยนๆ มีไอ้นี่สักคน ก็ไม่จำเป็นต้องหลบให้ต้นไทรให้เปลืองงบหลวง เปลืองภาษีประชาชน หรือไล่ที่ชาวบ้าน ผมจะให้ไอ้นี่ถอนเลย ยิ่งโค้งไหนชอบเอาคนไปเป็นตัวตายตัวแทนนะ ผมจะให้มันถอนรากออกมา เอายอดฝังดิน เอารากชี้ขึ้นฟ้าซะเลย ฮาดี

    เอ่อ แต่ข้ามทางม้าลายบนสะพานลอยนี่ สุดจะเคารพกฏจราจรสุดๆ (ระวังม้าลายรับน้ำหนักไม่ไหว ตกลงมาคอหักตาย แต่คนเอาไปลือว่าผีผลักนะว้อย)

    ตอบลบ
  4. ผมเคยอ่านเฟสของพวกฟักโกสแล้ว พวกนี้ไม่รู้จริง

    ตอบลบ
  5. อย่างน้อยๆพวกนี้ก็ช่วยเปิดโปงพวกต้มตุ๋นครับ

    ตอบลบ