บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ผงพรายกุมาร





ผมเคยเขียนไปหลายครั้งแล้วว่า สังคมไทยเป็นไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีสิ่งอื่นๆ อีก คือ ผี กับ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

นักวิชาการจึงเรียกสังคมไทยว่า เป็นสังคม “พุทธ-ผี-พราหมณ์”  คือ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้ากูเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์  กูนับถือหมด

รวมถึง ของแปลกประหลาดต่างๆ ทั้งหลาย เช่น หมู 8 ขา หมา 2 หัว ฯลฯ เป็นต้น  กูก็จะนับถือไปด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับ “ผงพรายกุมาร” นี่ บังเอิญผมไปพบวิดิโอรายการ “ชั่วโมงพิศวง” เข้า เลยลองคลิกดู รายละเอียดต่างๆ ท่านที่สนใจก็ไปลองดูเองก็ได้  ไม่ยาวเท่าไร

ขอยกคำพูดของคุณหนุ่มก่อนที่ว่า

คุณพระน่ะ มีอยู่แล้ว แต่อาจจะเห็นผลช้า เพราะฉะนั้นนะครับ เขาจึงใช้คุณผี

ตรงนี้ขอยืนยันว่า “ผิดโดยสิ้นเชิง”  แล้วผลของการเข้าใจผิดนั้น จะพากันลงนรกกันหมด 

ผมเองกับพิธีกรสองคนนั่น ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว รายการนี้โดยปกติผมก็ไม่เคยดู วันนี้เป็นการพบข้อมูลโดยบังเอิญจริงๆ

คนที่เป็นนักแสดงนั้น โอกาสที่จะขึ้นสวรรค์ ค่อนข้างยากอยู่แล้ว เพราะ อาชีพนักแสดง ส่วนใหญ่ไปเพิ่มกิเลสของคน  มากกว่าที่จะไปลด

เมื่อเอาเรื่องนี้มาเผยแพร่  ผมฟันธงเลยว่า คู่นี้ตายไปแล้ว ลงนรกแน่นอน

ตามวิดิโอนั้น ได้อธิบายการได้มาของ “ผงพรายกุมาร” ไว้ดังนี้

คือต้องไปหาศพที่ตายท้องกลมในวันเสาร์ แล้วไปเอามาเผาในวันอังคาร  ในช่วงเผาก็เอากระป๋องไปรองน้ำมันที่ท้องของผี

เมื่อเผาเสร็จแล้วก็เอากะโหลกของทั้งแม่ ทั้งลูกไปตำ ทำให้เป็นผง รวมด้วยน้ำมันกับว่านร้อยแปด

แล้วก็เอาไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ แล้วไปทำเป็นพระอย่างที่ผมได้นำเสนอภาพไปแล้วด้านบน  โดยที่เอาไปให้พระปลุกเสก

ในวิดิโอดังกล่าว ก็มีการไปสัมภาษณ์คนที่ได้รับประสบการณ์จาก “ผงพรายกุมาร” ด้วย  ในตอนท้ายรายการ พิธีกรก็พูดในทำนองที่ว่า “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่

ผมเองไม่ค่อยลบหลู่ใคร เพราะ เกลียดการดูถูกคนจนมานานแล้ว แต่ผมฟันธงเลยว่า พระที่ผสม “ผงพรายกุมาร” นั้น ไม่ได้มีฤทธิ์ มีเดชอะไร

พวกนี้ ทำพระมาเพื่อขายเอาเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น

สำหรับในทางวิชาธรรมกาย มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่อง ดังกล่าวดังนี้

พระพุทธเจ้านั้นมี 3 ประเภท คือ ภาคพระ/ภาคขาว ภาคเป็นกลาง/ภาคสีตะกั่ว และ ภาคมาร/ภาคดำ  จักรพรรดิก็มี 3 ประเภทเหมือนกัน

จักรพรรดิภาคกลาง/ภาคสีตะกั่วนั้น ไม่ค่อยพบ  เคยเห็นแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ในบทความนี้ จึงขอเอ่ยถึงเฉพาะจักรพรรดิของภาคพระ กับ ภาคมาร

เพื่อว่า ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะเป็นหน้าใหม่สำหรับบล็อกผม ก็ขอบอกก่อนว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น คือ จักรพรรดิ

พระประธานในโบสถ์ พระบูชา พระเครื่อง คด รัตนชาติ เหล็กไหล นิล ฯลฯ ถ้าจะศักดิ์สิทธิ์ก็จะต้องมีจักรพรรดิอยู่ในนั้น  ถ้าไม่มีก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์

แล้วจักรพรรดิฝ่ายขาวนั้น ไม่สามารถทำงานร่วมกับผี อันเป็นลูกน้องของจักรพรรดิฝ่ายมารได้

ข้อความที่ว่า  “คุณพระน่ะ มีอยู่แล้ว แต่อาจจะเห็นผลช้า เพราะฉะนั้นนะครับ เขาจึงใช้คุณผี” จึงไม่เป็นความจริง

ผมเคยพบพระที่มีทั้งจักรพรรดิภาคขาวและภาคดำอยู่ด้วยกัน ก็คือ พระที่มาจากวัดพระธรรมกาย 

พระของวัดพระธรรมกายส่วนใหญ่แล้วมีแต่มาร  แต่พระที่มีพลอยสีใสด้วย  ตรงที่เป็นพลอยนั้น จักรพรรดิภาคขาวเขาจะอยู่

การอยู่ร่วมกันแบบนี้ จักรพรรดิภาคขาว ท่านจะช่วยอะไรเราไม่ได้เลย เพราะ บารมีไม่มากพอ ถ้ามากพอ จักรพรรดิภาคขาวต้องดับภาคมารให้หมด

แต่นี่ บารมีพอๆ กัน จึงทำอะไรกันไม่ได้  ต่างคนก็ต่างอยู่กันไป

จึงขอสรุปว่า  ผีไม่ใช่พระ  พระก็ไม่ช่วยผี  ทั้ง 2 ฝ่ายนี้ มีแต่รบกันกับต่างคนต่างอยู่

ต่อไปขอฟันธงว่า พระเครื่องที่มีส่วนผสมของ “ผงพรายกุมาร” ไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์อะไร  ถ้าจะมี ก็มีแต่จักรพรรดิภาคมาร ซึ่งจะสร้างความฉิบหายวายป่วงให้แน่ๆ จะเมื่อไหร่เท่านั้น






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น