บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หินบำบัดโรคได้จริงหรือไม่


เนื้อหาที่จะนำมาวิเคราะห์นี้ เอามาจากบทความ “หินบำบัด! เจาะลึกหินชนิดไหน รักษาโรคใดได้บ้าง ทำไมเชื่อกันนัก!?” ของผู้จัดการออนไลน์ 

ที่เลือกบทความนี้ก็เพราะ ในการค้นหาจาก google บทความนี้มันขึ้นมาก่อน

เราขอพาคุณไปเจาะลึก ถอดรหัสความเชื่อในเรื่องนี้ไปกับ “อาจารย์จุฑามาศ ณ สงขลา” ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์หินบำบัด แห่ง HOROWORLD ในเอสพลานาด รัชดา

ด้วยความที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการหินบำบัดมานานหลายปี แถมยังจบการศึกษาเฉพาะด้านหินจากประเทศออสเตรเลีย และประเทศเยอรมนี

“สาเหตุที่นำหินมาบำบัดรักษาคนได้ ก็เพราะหินมีอายุเยอะ กว่าจะเกิดเป็นหินได้ต้องใช้เวลาหลายพันปี

ตรงนี้ไม่เป็นความจริง  ตัวหินเอง ไม่มีทางรักษาโรค หรือบำบัดโรคใดๆ ได้เลย  และที่ว่า “กว่าจะเกิดเป็นหินได้ต้องใช้เวลาหลายพันปี”  ผมก็ไม่เข้าใจความหมายนัก

หินน่าจะเกิดมาพร้อมๆ กับโลกของเรา  ทำไม คุณจุฑามาศ ณ สงขลา ถึงใช้คำว่า “หลายพันปี”

และหินจะประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งแร่ธาตุที่แตกต่างกันนี้เอง ทำให้หินในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

นี่ผมก็งงอีก  ชักสงสัยว่า คุณจุฑามาศ ณ สงขลาแกเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง “หิน” จริงๆ หรือเปล่า หรือว่า “หิน” ของแก กับ “หิน” ของผม มันคนละความหมายกัน

หินเข้าไม่ได้แบ่งตามเขตประเทศ  ผมว่า หินปูน หินอัคนีของประเทศไหนมันก็น่าจะเหมือนกัน ไม่งั้นนักวิทยาศาสตร์เขาคงไม่จัดไว้ในพวกเดียวกัน

ทั้งนี้ในตัวของหินจะประกอบไปด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ นี่แหละ เหมือนมนุษย์เลย มนุษย์ก็ประกอบไปด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ตรงนี้ ผมฟันธงไปเลยว่า คุณจุฑามาศ ณ สงขลา ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องหิน ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องคนแล้ว 

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ก็คงต้องการขายของมากกว่าอย่างอื่น

ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ของคนนั้น  ไม่เหมือนธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ของหิน แตกต่างกันมาก

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ให้ความหมายของ “ธาตุ” ในทางศาสนาพุทธ ไว้ดังนี้

ธาตุ ๑- สิ่งที่ทรงสภาวะของมันอยู่เองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย,
ธาตุ ๔ คือ
๑. ปฐวีธาตุ สภาวะที่แผ่ไปหรือกินเนื้อที่ เรียกสามัญว่า ธาตุแข้นแข็งหรือธาตุดิน
๒. อาโปธาตุ สภาวะที่เอิบอาบดูดซึม เรียกสามัญว่า ธาตุเหลวหรือธาตุน้ำ
๓. เตโชธาตุ สภาวะที่ทำให้ร้อน เรียกสามัญว่า ธาตุไฟ
๔. วาโยธาตุ สภาวะที่ทำให้เคลื่อนไหว เรียกสามัญว่า ธาตุลม ;

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “ธาตุ” ในทางวิทยาศาสตร์  กับ “ธาตุ” ในทางศาสนาพุทธนั้น แตกต่างกัน 

ด้วยความที่หินต้องเจอทั้งสายลม แสงอาทิตย์ แสงจันทร์ รังสีต่างๆ เลยทำให้หินมีคลื่นพลังที่ดีเช่นเดียวกับมนุษย์

มนุษย์ก็มีคลื่นพลังในร่างกาย คลื่นพลังงานของหินและมนุษย์ จึงสื่อสารถึงกันได้

ดังนั้น เมื่อนำหินมาวางบนร่างกาย คลื่นพลังงานของหิน ซึ่งจะเป็นคลื่นอ่อนๆ ก็จะสามารถส่งเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ได้

รวมไปถึงแร่ธาตุบางอย่าง ที่มีอยู่ในหินก็นำมาบำบัดร่างกายได้

ตรงนี้ก็มั่ว  คุณจุฑามาศ ณ สงขลาเพียงต้องการที่ขายของ คือ หินเท่านั้น  ถึงได้แต่งเรื่องขึ้นมา ให้เป็นเรื่องเป็นราว

สายลม แสงอาทิตย์ แสงจันทร์ รังสีต่างๆ” ไม่สามารถทำให้หินมีคลื่นพลังได้  สมมุติว่า เห็นมีคลื่นพลังจริงๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ได้ 

จะเห็นว่า ที่คุณคุณจุฑามาศ ณ สงขลาเขียนมาทั้งหมดนั้น “ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลรองรับ” เลย  ท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย

ด้วยสาเหตุนี้ จึงมีคนเอาหินมาบำบัด หรือรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ประเทศอินเดียในอดีต เคยมีการจดบันทึกไว้ว่า

ครั้งหนึ่งเกิดโรคบิดระบาดทั่วประเทศ จึงได้มีการนำมรกต มาบดผสมกับมะนาว แล้วให้คนทานเข้าไป เมื่อทานแล้วคนก็หายจากโรค

หรืออย่างในประเทศอียิปต์ ก็เคยมีการจดบันทึกไว้ว่า การนำหินสีน้ำเงินที่ชื่อ ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) มาบดแล้วทาที่ตา จะช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา

ปัจจุบัน เลยมีคนนำเอาหินชนิดนี้ไปผสมไว้ในอายแชโดว์ (Eyes Shadow) เพื่อให้ช่วยเรื่องการบำรุงดวงตา

หรืออย่างการนำเอาพวกปะการัง มาทำที่เสียบแปรงสีฟัน หรือเอาหินบางชนิดมาทำถ้วยที่ใช้บ้วนปาก แปรงฟัน แล้วช่วยรักษาโรคเหงือกและฟันได้

เหล่าก็มีการจดบันทึกเอาไว้ทั้งนั้น กระทั่งปัจจุบันก็มีการนำเอาภูมิปัญญาเรื่องหินนี้กลับมาใช้อีก”

อ.จุฑามาศ เกริ่นนำ เรื่องความเป็นมาของการใช้หินบำบัดรักษาโรค ที่มีมาตั้งแต่อดีต

เรื่องต่างๆ ที่เล่ามานั้น แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับการที่จะนำ “หิน” ที่มีคลื่นไปวางบนตัวคนเลย

โดยสรุปในเบื้องต้น  หินบำบัดโรคไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง  เรื่องราวต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมานั้น ก็เพื่อโน้มน้าว หรือหลอกลวงคนให้ไปซื้อหิน เท่านั้น 



3 ความคิดเห็น:

  1. http://www.dailymotion.com/video/x18gf0t_%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%94-ancient-aliens-208-unexplained-structures-%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A2-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2_tech
    ดร ครับ คราวนี้ผมมีเรื่องน่าสนใจมาให้ ดร วิเคราะห์และว่าวิจารณ์หน่อย เรื่องมีอยู่ว่า ในเรื่องกล่าวถึงมนุษย์ต่างดาว และการกล่าวถึงพลังในโบราณสถานว่าในโบราณสถานแต่ล่ะแห่งในโลกมีพลังงานบางอย่าง ที่นี้ผมอยากถามว่า ในวิชาธรรมกายเราสามารถตรวจสอบสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกได้หรื่อไม่ครับ เขาเหล่านั้นมีจริงไหม และถ้ามี การที่ในวิดิโอกล่าวว่าโบราณสถานมีพลัง เป็นไปได้ไหมว่าจะมีจักรพรรดิอยู่ในนั้นจึงเป็นเหตุให้มีพลัง และโบราณสถานเหล่านั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับมุนษย์ต่างดาวอย่างที่วีดิโอบอก และสุดท้ายครับ ดร ถ้าที่วีดีโอกล่าวทั้งหมดเป็นความจริงมีความเป็นไปได้ไหมที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกจะสามารถค้นพบวิชาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องจิตวิญญาณ สมาธิ และการเข้าญาณ ได้หรือไหมครับ ขอบคุณมากครับ ดร

    ตอบลบ
  2. 1) มนุษย์ต่างดาวอย่างที่เล่าลือกันไม่มี ถ้ามีจริง ด้วยระบบการสื่อสารในปัจจุบัน มันต้องเห็นกันแล้ว

    เรามีดาวเทียมทหาร ดาวเทียมธุรกิจ กล้องของนักดาราศาสตร์ ฯลฯ ถ้ามนุษย์ต่างดาวมาด้วยจานบิน พวกนี้ต้องเห็นแล้ว

    2) มนุษย์ในทวีปอื่น ถือว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวได้ มนุษย์ทวีปเหล่านั้น ไม่สามารถมาโลกเราได้ เคยพบแต่จักรพรรดิของทวีปอื่น มาสร้างบารมีกับวิทยากร

    3) พลังงานในโบราณสถาน ในปิรามิด คงจะมี แต่ไม่ใช่พลังงานที่มีฤทธิ์มีอำนาจจะทำอะไรได้อย่าที่เล่าลือกัน

    4) จักรพรรดิภาคขาวจะอยู่ในรัตนชาติ และรูปเคารพของศาสนาพุทธ ท่านไม่อยู่ในสถานที่เหล่าน้้น แต่ถ้าเป็นจักรพรรดิภาคมาร ผมก็ไม่รู้เรื่องของเขาเหมือนกัน

    ตอบลบ