บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

อิ้น.. เครื่องรางแห่งความรัก




วันนี้ ไปพบเรื่อง “อิ้น” หรือ “อิ่น” ซึ่งผมไม่เคยพบเคยเห็น และไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย จึงเอามาเล่าสู่กันฟัง

ตอนเป็นเด็กนั้น เครื่องรางของขลังที่พบห็น สำหรับผมก็คือ “ปลัดขิก” เพราะ เพื่อนๆ มันมีเป็นสมบัติส่วนตัว พกกันเพียบ  มีหลายรุ่นหลายขนาด

ไม่รู้ขนาดใหญ่ๆ นั้น จะมีใครเรียก “นายอำเภอขิก” หรืเปล่า

พวกมันจะคล้องไว้กับเอว  พระคล้องเอาไว้ที่คอตามปกติ ผมในตอนนั้น ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ จึงไม่พกพา และไม่สนใจแต่ประการใด

สิ่งที่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นเลยก็คือ “อีเป๋อ”   

อิ้น” นี่ บอกไปก่อนเลยว่า เป็นของฝ่ายมารแน่ๆ  ถ้าเป็นฝ่ายพระ หรือต้องการขึ้นสวรรค์ก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมันเลย  ห่าง...ให้ไกลๆ ไว้จะเป็นการดีที่สุด

อย่างไรก็ดี เราก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์กันเพื่อให้เป็นความรู้ไว้อธิบายกับพวกที่ไม่รู้กันนิดหน่อย

ความรู้เอามาจากเว็บหนึ่ง ไม่ต้องไปเอ่ยชื่อจะเป็นการดีกว่า เพราะเป็นเว็บที่มีการขายของทำนองนี้ มันก็จะเป็นโฆษณาให้เขา

1. การบูชาอิ่น หากต้องการให้เป็นเสน่ห์กับตัวเองให้พกติดตัว โดยนำอิ่นใส่กรอบแขวนสร้อยห้อยคอ ใส่แหนบเหน็บเสื้อ หรือใส่เชือกร้อยเอวก็ได้

หากเป็นสุภาพสตรีสามารถใส่แหนบหรือเข็มกลัด กลัดไว้ตรงยกทรงก็ได้ ตำแหน่งที่บูชาอิ่น ห้ามแขวนต่ำกว่าเอว

2. หากต้องการบูชาไว้กับบ้านเรือนที่อยู่อาศัย หรือร้านค้าเพื่อช่วยให้คนในบ้านรักใคร่กลมเกลียวกัน หรือให้ช่วยทางด้านค้าขาย ให้หาพานเล็กๆ จัดวางในที่ๆ เหมาะสม

ถ้าเป็นไปได้ให้หากลางๆ บ้าน ไม่สมควรวางไว้บนหิ้งพระ ให้จัดที่วางให้แยกต่างหาก เช่น ชั้นวาง บนโต๊ะ บนตู้

หากบูชาไว้กับบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้บูชาโดยการท่องคาถาตอนเช้า หรือตอนเปิดร้านแล้วอธิษฐานตามใจปรารถนา เช่นขอให้คนในบ้านรักกัน หรือให้ค้าขายดีอะไรก็ว่าไป

ในข้อ 1 นั้น ข้อความที่ว่า “โดยนำอิ่นใส่กรอบแขวนสร้อยห้อยคอ”  สันนิษฐานว่า สำหรับคนที่ไม่คล้องพระเลย ก็ห้อยคอได้  คำแนะนำอื่นๆ นั้น จะเป็นการพกพาติดตัวที่ต่ำกว่าพระ

ไอ้ที่ผมงงก็คือ “ห้ามแขวนต่ำกว่าเอว” มีจะไปแขวนไว้ตรงไหนได้  ใครจะบ้าจะเอาไปไว้ที่ขา

สำหรับข้อ 2 เห็นได้ชัดเจนว่า “อิ้น” เป็นเครื่องรางของขลัง ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นพระ คนไทยจะรู้ค่อนข้างดี คือ จะเอาไว้ต่ำกว่าพระ

อิ่นนี้ เป็นเครื่องรางมหาเสน่ห์สายขาว ให้อิทธิพลังคุณสูง ซึ่งหลายคนที่บูชาไปแล้วได้ผลดีคงจะทราบกันดีว่า ไม่เพียงแต่เรื่องความรักคู่ครอง หรือทางเสน่ห์ เท่านั้นที่สมหวัง อีกทั้งยังดีทางด้าน หน้าที่การงานโชคลาภค้าขาย เจริญในหน้าที่การงานอีกด้วย

ตรงนี้โกหกนะครับ  “อิ้น” นี่ ไม่ใช่สายขาวแน่นอน  และก็ไม่ได้มีอิทธิพลังคุณสูงแต่ประการใด พวกนี้หลอกเพื่อขายของเท่านั้น

ลองมาดูข้อมูลอีกแหล่งหนึ่ง

อิ่นมีรูปแบบลักษณะเป็นรูปหญิงชายยืน หรือ นั่ง กอดกันโดยหันหน้าชนกัน ยกตัวอย่าง คาถาอิ่น (กอดคอแยงอ้อมแอ้ม จูบปากแก้มจ๋านจ๋า)

ตั้งแต่โบราณมีตำนานของอิ่นมากมายหลายแห่งต่างกันไปตามภูมิภาค แต่เดิมนั้นไม่ทราบได้ว่าอิ่นนั้นมีต้นกำเนิดมาจากไหน

บางท่านว่ามาจากธิเบตและรับความเชื่อเรื่องศักติว่าหญิงชายเสพสมกันจะทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต การมีชายหญิงร่วมกัน

เป็นตัวแทนของการเกิด การงอกงาม และ ความสมดุล (หยิน หยาง) และเชื่อสืบต่อกันเข้ามาทางพม่า

บางท่านว่าเป็นการสร้างเพื่อระลึกถึงหญิงชายคู่แรกของโลกมนุษย์ ตากะสัง ยายสังกะสี

บางท่านว่าเป็นเทพบนสวรรค์ที่รักกันปานจะกลืนกินไม่ยอมห่างกัน แม้จะถูกลงโทษจากพระนารายณ์ก็ยังไม่ยอมแยกจากกัน จึงเป็นที่มาของความรักที่ “ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน”

นอกจากนี้ ยังมีตำนานของอิ่นมากมาย คนล้านนาเชื่อว่าการที่ได้มีอิ่นไว้บูชาจะทำให้มีคนเมตตารักไคร่ มีไว้กับบ้านเรือน จะทำให้คนในบ้านหลังนั้นครอบครัวนั้นรักใคร่กัน

หากมีไว้บูชากับตัวเราก็จะทำให้มีเสน่ห์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยโชคลาภ ข้าวของเงินทองไหลมาเทมา อิ่นจึงเป็นที่นิยมตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน 

คุณวิเศษของอิ่นมีมากมาย  อาทิ ใช้ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้พันช่อง (สารพัดทางเสน่ห์)   ใช้บูชาเพื่อให้คนในบ้านรักกัน   ใช้ทางโชคลาภ เงินทอง ค้าขาย ฮิมาก๊าขึ้น รอมข้าวของเงินทองดี ชุ่มเย็น

โดยสรุป

อิ้น” เป็นของไสยศาสตร์  ไสยศาสตร์นั้น ฝรั่งเขามีไสยขาว ไสยดำ แต่ในทางวิชาธรรมกาย  ไสยศาสตร์เป็นวิชาของภาคมาร  จึงเป็นภาคดำอย่างเดียว  ไม่มีไสยขาว

อิ้น” น่าจะเป็นเครื่องรางของขลังที่ทำให้เพศตรงข้ามหลงรัก  แต่พอมีเรื่องการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ต้องมีการโกหกสรรพคุณกันมากมาย

ไม่งั้น มันจะขายของไม่ได้

อิ้น” นี้ ใครมีไว้ครอบครอง ความฉิบหายวายป่วงจะต้องมาเยือนแน่นอน เพราะ เป็นของภาคมาร  ถ้าจะส่งผลให้ลาภบ้าง แต่มันจะเป็น “ทุกขลาภ” ในภายหลัง และจะพาให้ตกนรกด้วย

การที่จะให้คนมารักมาชอบเรา  เราเพียงทำความดี ให้ทาน ถือศีล ปฏิบัติธรรม คนก็จะมารักมาชอบเราตามผลของกรรมดีอยู่แล้ว

สำหรับพวกที่ไปแอบรักคนอื่น แล้วอยากให้คนอื่นมารักตอบนั้น อย่าทำเป็นอันขาด เพราะ เนื้อคู่นั้น ของใครของมันจริงๆ 

ถ้าเป็นเนื้อคู่กันแล้ว รับรองไม่แคล้วคลาดกันแน่นอน

แต่พวกที่มาเกิดแล้ว  เนื้อคู่ไม่ได้มาเกิดด้วย  อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรเหมือนกัน






2 ความคิดเห็น:

  1. 1.รุ่นใหญ่มากๆ ต้อง "ผู้ว่าขิก" "อธิบดีขิก" เคยดูในหนัง พ่อบังคับสาวห้อยตรงเอว เดินไปก็แกว่งไปแกว่งมา ไปนั่งกินส้มตำที ผู้ชายมองหมดร้าน แทบแทรกแผ่นดินหนี

    2.เนื้อคู่มีจริงด้วยหรือครับ เป็นไปได้ไหมถ้าคนเราจะแต่งกับคนที่ไม่ใช่เนื้อคู่ได้
    แต่อย่างผมนี่ไม่มีหรอก เกิดมาตั้งแต่เด็กจนหนุ่ม สาวไม่เคยแลเหลียว ก็มันเหี้ยมอย่างนี้ใครจะมาสนใจ (ตัวเองก็ไม่เคยแลเหลียวสาวด้วย น่ารำคาญ ผู้หญิงมันเปราะบางเหลือเกิน ผมล่ะไม่ชอบผู้หญิงเอาเสียเลย ผู้ชายนี่ค่อยยังชั่วหน่อย สงสัยชาตินี้ไม่ได้แต่งงานหรอก)

    ตอบลบ
  2. โดยปกติ คนทุกคนต้องมีเนื้อคู่ แต่ชาตินี้มาเกิดด้วยหรือไม่ มาเมื่อไหร่ เป็นเรื่องของกรรม..

    ตอบลบ