ในเว็บของ
“บูชาครูบาอาจารย์ ธ.ธรรมรักษ์” มีบทความเรื่อง “เคล็ดบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ผล”
เรามาลองดูซิว่า เนื้อหาของบทความจะเป็นอย่างไร
ทำตามแล้วจะได้ผลหรือไม่
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดขึ้นมาจาก “จิตที่มีพลังบุญบารมี”
ที่มาการสร้างสมบุญมาเป็นระยะเวลายาวนานในหลายภพหลายชาติ
เป็นพลังยิ่งใหญ่มีอยู่ในจิตบริสุทธิ์หรือจิตละเอียดของผู้ปฎิบัติธรรม
ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ หรือเป็นฆราวาส พรหมเทพเทวดาทั้งหลาย ในสัตว์ ในคนทุกคน
ในธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ หากจิตมีความละเอียดบริสุทธิ์แล้วย่อมนับได้ว่าเป็น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น
แปลความได้ง่ายๆ ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
“บุญบารมีและมีความบริสุทธิ์อยู่ในตัว” นั่นจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง ที่จะมีพลังอำนาจแห่งบุญนั้นและท่านเหล่านั้นสามารถที่จะแบ่งปันบุญไปให้ช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย
|
อ่านแค่นี้
ก็พบความมั่ว ความไม่รู้ของคนเขียนบทความนี้แล้ว
คนเขียนบทความไม่รู้ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร”
ที่เขียนออกมานั้น
ก็เขียนมั่วๆ ไป เพราะ คนอ่านนั้น “ไม่รู้มากกว่าคนเขียน” เขียนอะไรไป คนอ่านก็ไม่รู้เรื่อง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธคือ
“จักรพรรดิ” ดังรูปด้านบน
จักรพรรดิมีหน้าที่ดูแลศาสนาพุทธ คนไทยรู้จักจักรพรรดิมานานแล้ว จึงสร้างเป็นพระประธานในโบสถ์บ้าง
เป็นพระบูชาบ้าง
คนต่อมารุ่นหลังไม่รู้ว่าเป็นอะไร
จึงเรียกว่า “พระทรงเครื่อง”
ถ้าถามว่า
“จักรพรรดิ” คืออะไรอีก ก็ต้องบอกว่า จักรพรรดิคือ “ใจ-จิต-วิญญาณ”
ที่ต้องการสร้างบารมีเพื่อเข้านิพพานเหมือนกัน
จักรพรรดิจำนวนมากก็มาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อสร้างบารมี จักรพรรดิอีกจำนวนมาก แบบไม่ต้องจินตนาการ ไม่มาเกิดเป็นมนุษย์ แต่สร้างบารมีร่วมกับมนุษย์
“จักรพรรดิ” เหล่านี้แหละคือ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บทความนี้หมายถึง “จักรพรรดิ” เหล่านี้แหละที่เหล่ามนุษย์สามารถบูชาได้
และขอให้ช่วยเหลือได้ในบางเรื่อง ไม่ใช่ทุกเรื่อง
แต่การที่เราจะไปขอแบ่งบุญขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้น
เราก็ต้องมีบุญติดตัวก่อนด้วยการสร้างบุญ
เหมือนเวลาที่จะไปขอให้คนอื่นเขาช่วยเหลือ อย่างน้อยต้องมีทุนของตัวเองบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นทุนที่เป็นเงิน ทุนความรู้ความสามารถต่างๆ
ในเรื่องของบุญนั้น
เมื่อเรามีบุญของตนเองแล้วแต่ไม่พอที่จะไปถึงสิ่งที่ปรารถนาหรือต้องการขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
|
ตรงนี้
“มั่ว” ไม่รู้จะเขียนไปทำไม เขียนให้บทความมันยาวขึ้นหรือไง ก็ไม่รู้
ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า
และต้องรู้จักวิธีการติดต่อเชื่อมบุญกับท่านเราจึงจะนำพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์นั้นมาใช้ได้
“การเชื่อมบุญ”
เป็นการรวบรวมทั้งบุญเก่าและใหม่เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อทำให้บุญนั้นเกิดพลังที่ใหญ่และมากพอ
เมื่อรวบรวมบุญได้มากพอแล้วก็จะทำ “การอธิษฐานจิตส่งบุญ”
หรืออุทิศไปให้บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราได้ไปทำการสักการบูชาก่อน เป็นการ
“ให้” ก่อนที่จะ “รับ”
|
“การเชื่อมบุญ” นี่ก็น่าจะมั่ว
คือ ถ้าเป็นการเชื่อมบุญของเราเอง เมื่อในอดีตกับปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่การไปเชื่อมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น “เป็นไปไม่ได้”
หากเราเคยมีบุญผูกพันกับเหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่แล้วก็จะเป็นการง่ายยิ่งขึ้น
เช่นบางคนที่กราบไหว้ผีบ้านผีเรือนหรือ ผีปู่ย่า เพราะมีสายสัมพันธ์กันมาแต่เดิม
หากเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เช่น องค์ท้าวมหาพรหม หรือ
พระอรหันตสาวกที่เรืองฤทธิ์ ครูบาอาจารย์ที่ท่านยังไม่เคยได้รู้จักเรามาก่อน
การเชื่อมบุญนี้เองจะทำให้ท่านได้รู้จักเรา
ท่านจะได้โมทนาบุญนี้มาสู่เราและอำนวยพรให้เราได้สมตามความปรารถนา
|
ตรงนี้ก็มั่วมากเข้าไปอีก
ท้าวมหาพรหมนั้น ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธ
เป็นของศาสนาพราหมณ์ จะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่
ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
สำหรับพระอรหันต์นั้น ท่านไม่มายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์โลกแล้ว
ท่านหมดหน้าที่ไปแล้ว ตอนนี้ท่านอยู่ในอายตนะนิพพาน
การเชื่อมบุญก็เช่นเดียวกัน
หากต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านได้ช่วยเราก็ต้องทำตนให้ดีเสียก่อน และทำบุญส่งบุญไปให้ท่านเหล่านั้น
ขอย้ำอีกครั้งว่าต้องทำบุญให้มากๆ
เสียก่อนไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเอาบุญที่ไหนไปส่งให้ท่านได้
หลายท่านคงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า
“ถ้าไม่มีบุญมากพอจะทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ
แต่เมื่อบุญได้มาถึงแล้วแม้เอาช้างมาฉุด หรือแม้แต่ฟ้าก็ไม่อาจขวางกั้นได้”
|
ตรงนี้
ไม่รู้ว่าใครช่วยใคร
การทำบุญนั้น
เป็นสิ่งดี เป็นสิ่งควรทำ การทำบุญแล้ว ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อนุโมทนาบุญด้วยก็ควรทำ
แต่มันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของบทความนี้
ที่ต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย
บทความที่นำมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น
มีความยาวมากกว่านี้ แต่วิพากษ์วิจารณ์เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
ถ้าถามว่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือจักรพรรดิสามารถช่วยเราได้จริงหรือไม่? คำตอบก็เป็นดังนี้
ขอเปรียบเทียบโดยเอาตัวเราเป็นหลัก สมมุติว่ามีใครมาขอความช่วยเหลือ
เราจะช่วยเขาหรือไม่ และช่วยเขาในระดับใด
ในบางคน
“เราไม่ช่วย” บางคนเราช่วยบ้าง
เท่าที่ช่วยได้ ในบางคนเราช่วยเต็มที่สุดกำลังของเราเอง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือจักรพรรดิก็เช่นเดียวกัน
ในบางเรื่องราว
จักรพรรดิท่านอยากจะช่วย แต่ท่านช่วยไม่ได้ เพราะเกินกำลังของท่าน ดังนั้น
ตัวเราเองนี่แหละ ที่จะช่วยตัวเราเองได้
ตามพุทธภาษิต
“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น